หน้าแรก ข่าวอุตสาหกรรม กางแผนรุกส่งออกจีน 9 มณฑลตามเส้นทาง OBOR

กางแผนรุกส่งออกจีน 9 มณฑลตามเส้นทาง OBOR

2018
0

แม้ว่าจะเกิดปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ แต่ “ตลาดจีน” ถือเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทยรองจากอาเซียน โดยในช่วง 10 เดือนแรกส่งออก 24,920 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 3.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นสัดส่วน 11.8% ของการส่งออกรวมของประเทศ และในปี 2562 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันการส่งออกตลาดนี้ให้ขยายตัว 12% ซึ่งยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าไทยจะบุกตลาดจีนอย่างเป็นรูปธรรม และเมื่อทางการจีนเชิญ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์และภาคเอกชน เข้าร่วมงานแสดงสินค้านำเข้า China International Import Expo (CIIE) เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตลาดจีนยิ่งมีความสำคัญ

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) กล่าวว่า กรมวางยุทธศาสตร์ผลักดันการส่งออกตลาดจีนให้ชัดเจนมากขึ้น โดยจะเน้นเป็นรายภูมิภาค 10-20 เมืองหลักที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง เช่น ทางภาคเหนือ ภาคตะวันตกของจีนที่ยังมีการทำการตลาดน้อย พร้อมทั้งศึกษาว่าจะใช้ประโยชน์จากโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt One Road : OBOR) ภายใต้โครงการพื้นที่สามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียง (Pearl River Delta : PRD)ที่มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจ (Economic Super Zone) ประกอบด้วย 9 มณฑล ทางตอนใต้ของจีน เช่น มณฑลกวางตุ้ง ฝูเจี้ยน เจียงซี กุ้ยโจว เสฉวน ยูนนาน เป็นต้น เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด

โหมอีคอมเมิร์ซ 

สำหรับช่องทางการทำตลาดจีนนั้น กรมให้ความสำคัญกับการทำตลาดอีคอมเมิร์ซมากขึ้น เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคจีนส่วนใหญ่นิยมซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ ยกตัวอย่างเช่น “เหอหม่า” สนใจสินค้าและพร้อมจะซื้อสินค้าไทย แต่ต้องมีคุณภาพกลยุทธ์ในการขยายตลาดออนไลน์ในจีน สำหรับปี 2562 กรมจะขยายความร่วมมือด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้ประกอบการจีนมากขึ้น ทั้งอาลีบาบาที่จะเปิดร้านใน Tmall.com เพิ่ม นอกจาก Thai Rice Flagship Store โดยเพิ่ม Thai Fruit Flagship Store ซึ่งจะทำให้สินค้าผลไม้ไทย สามารถขยายตลาดไปจีนได้ไม่เพียงเฉพาะทุเรียนที่ไปแน่นอน แต่ยังจะมีสินค้าผลไม้ชนิดอื่น เช่น มังคุด ส้มโอ มะม่วง มะพร้าว อย่างไรก็ตาม กรมยังคงรักษาช่องทางการจำหน่ายผ่านระบบออฟไลน์ อย่างซูเปอร์มาร์เก็ตของเหอหม่าด้วย

สำหรับสินค้าที่มีศักยภาพในการรุกตลาดจีนนั้น มอบให้ทางสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประจำประเทศจีน ศึกษาสินค้าที่เหมาะสมและการประชาสัมพันธ์ กิจกรรม โปรโมชั่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งต้องยกระดับแบรนด์สินค้าให้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังพบว่าปัจจุบันประเทศจีนให้ความสำคัญเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีเป้าหมายจะทำให้ปัญหานี้เป็นศูนย์ ถือเป็นสัญญาณอันดีที่ประเทศไทย

ผนึกพันธมิตรใหม่ 

ทางกรมยังได้เร่งเพิ่มจำนวนพาร์ตเนอร์ใหม่ เช่น คิง ไวกรุ๊ป ซึ่งเป็นธุรกิจจีนที่ให้ความสนใจจะร่วมมือกับไทยในการขยายตลาด โดยเฉพาะในเฉิงตู และได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับ (MOU) กับ JD.com เพื่อเพิ่มช่องทางการค้าอีคอมเมิร์ซในตลาดจีน

ด้านนายอู๋ จื้อ อี้ นายกสมาคมการค้าและการลงทุนเอเชียน-สากล (AITIA) เปิดเผยว่า สมาคมได้ร่วมกับภาครัฐของไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดงานแสดงสินค้ามาตรฐานไทยและจีนส่งออก ครั้งที่ 8 ขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 1,000 รายทั้งไทยและจีน และมีมูลค่าการซื้อขายภายในงาน 500 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าโอกาสสินค้าไทยที่จะเข้าตลาดจีนยังมีอีกมาก

 

ข้อมูลจาก : ประขาขาติธุรกิจ