นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนธันวาคม มีมูลค่า 19,154 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 1.28% การนำเข้ามีมูลค่า 18,558 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเป็นบวกที่ 2.54% และได้ดุลการค้า 595 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการส่งออกของไทยทั้งปี 2562 มีมูลค่า 246,244 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 2.65% ต่ำสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 2558 ที่ติดลบ 5.78% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 236,639 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 4.66% ล้านเหรียญสหรัฐ ได้ดุลการค้า 9,604 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับแรงกดดันการส่งออกไทยปี 2562 นี้ เช่น สงครามการค้า เศรษฐกิจโลก เงินบาทเข็งค่า และ การปิดซ่อมโรงกลั่นในประเทศในช่วงปลายปี ทำให้การส่งออกที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เช่น น้ำมัน เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ ยังคงติดลบ ขณะที่สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ติดลบ 2.7 %
โดยสินค้าที่ขยายตัวดี เช่น น้ำตาลทราย เครื่องดื่ม ผัก ผลไม้สดแช่แข็งและแปรรูป ส่วนสินค้าที่หดตัว ได้แก่ ข้าว ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง กุ้งสดแช่แข็งและแปรรูป ยางพารา ส่งผลให้ภาพรวมสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมตัว 2.4%
ส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม 0.9% สินค้าที่ขยายตัวดี เช่น รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ขณะที่ สินค้าที่หดตัว ได้แก่ทองคำ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ส่งผลให้ภาพรวมสินค้าอุตสาหกรรม หดตัวอยู่ที่ 1.8% สำหรับแนวโน้มการส่งออกปี 2563 คาดการณ์ว่ายังมีทิศทางเป็นบวกจากปัจจัยสหรัฐและจีนที่ได้ลงนามยุติทางการค้า การส่งออกสินค้าไลฟสไตล์และสินค้าเกษตรแปรรูปที่ยังขยายตัวได้ดี รวมถึงการดูแลการเข้ามาลงทุนจากต่างประเทศเพื่อให้รองรับและสอดคล้องกับการส่งออกของไทยปี 2563 ทั้งประเมินว่าการส่งออกไทยปี 2563 มีโอกาสขยายตัวเป็นบวกที่ร้อยละ 1.5-3%
นอกจากนี้ ทางสำนักงานฯ เสนอแคมเปญชอปปิ้งออนไลน์วันที่ 5 เดือน 5 กระตุ้นให้คนไทยหันมาซื้อของไทยนิยมไทยมากขึ้น เพราะสินค้าไทยมีคุณภาพเทียบเท่ากับสินค้าต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ทั้งนี้เตรียมจะเสนอ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาต่อไป